ระบบรีไซเคิล
กระบวนการเมมเบรน (membrane process)
เป็นกระบวนการแยกสารผสมที่อยู่ในรูปของเหลวหรือแก๊สที่ประกอบด้วย ตัวถูกละลายและตัวทำละลาย โดยใช้เมมเบรนซึ่งเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ที่มีคุณสมบัติที่สามารถเลือกผ่านสาร (semi-permeable) เป็นตัวขวางกั้น (barrier) และคัดแยกโดยอาศัยแรงขับดันในรูปต่างๆ ทำให้ตัวทำละลายและตัวถูกละลายบางชนิดเคลื่อนที่ผ่านเมมเบรน ขณะที่บางชนิดถูกกักไว้ กระบวนการเมมเบรนอย่างง่ายแสดงดังรูปที่ 1.2
เมื่อสารผสมซึ่งเป็นสารป้อน (feed) ผ่านกระบวนการเมมเบรนจะถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่สามารถผ่านเมมเบรนไปได้เรียกว่า เพอมิเอท (permeate) และส่วนที่ถูกกักกันเรียกว่า คอนเซนเทท (Concentrate)
สมรรถนะของกระบวนการเมมเบรนโดยทั่วไป สามารถบ่งชี้ด้วยค่าฟลักซ์ (flux) ซึ่งเป็นอัตราการไหลของเพอมิเอทต่อพื้นที่เมมเบรน และค่าการกักกัน (Concentrate /rejection) ซึ่งบ่งบอกความสามารถในการแยกสารของกระบวนการ (selectivity)
ปัจจัยที่มีผลต่อสมรรถนะของเมมเบรน เช่น คุณสมบัติด้านต่างๆ ของเมมเบรน เช่น ขนาดรูพรุน ประจุ คุณสมบัติของสารป้อนหรือสารที่ต้องการแยก เช่น ขนาด ประจุของอนุภาคหรือตัวถูกละลาย และสภาวะการดำเนินงานของกระบวนการ เช่น ระดับของแรงขับดัน ความเร็ว ความเข้มข้น
แสดงกระบวนการเมมเบรนอย่างง่าย
1.2 การจำแนกกระบวนการเมมเบรนที่ใช้ความดันเป็นแรงขับดัน
กระบวนการเมนเบรนที่ใช้ความดันเป็นแรงขับดันอาจจำแนกได้ตามความสามารถในการแยกสารและระดับความดันที่ใช้ (ดูรูปที่ 2.2 และ 2.3 และตารางที่ 2.1 ประกอบ) ออกเป็น 4 กระบวนการคือ
1. กระบวนการออสโมซิสผันกลับ (RO)
2.กระบวนการนาโนฟิลเตรชั่น (NF)
3.กระบวนการอัลตราฟิลเตรชั่น (UF)
4.กระบวนการไมโครฟิลเตรชั่น (MF)
กระบวนการเมมเบรนเป็นกระบวนการที่สามารถใช้แยกสารที่มีขนาดเล็ก เช่น อิออน น้ำ จนกระทั่งสารที่มีขนาดใหญ่ที่จัดเป็น สารแขวนลอย เมมเบรนแต่ละชนิดมีความสามารถในการแยกสารแตกต่างกันขึ้นกับคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ของสารป้อน เช่น ขนาดและประจุ ของสาร คุณสมบัติของเมมเบรน เช่น ขนาดรูพรุน ระดับความดันที่ใช้อยู่ในช่วงกว้าง ตั้งแต่ 0.5 ถึง 100 bar
กระบวนการที่ใช้แยกสารประเภทอิออน สารโมเลกุลเล็กคือ RO และ NF ต้องใช้เมมเบรนที่ไม่มีรูพรุนหรือเมมเบรนที่มี รูพรุนขนาดเล็ก (< 2 nm) ซึ่งมีความต้านทางการไหลของเพอมิเอทสูง และสารป้อนซึ่งเป็นสารโมเลกุลเล็กหรืออิออน มีความดันออสโมติก (osmotic pressure) สูง ทำให้ระดับความดันที่ใช้ต้องสูงในระดับ 30-100 bar และ 10-40 bar สำหรับกระบวนการ RO และ NF ตามลำดับ
กลไกการแยกสารสำหรับเมมเบรนที่เกิดขึ้นกับกระบวนการ RO และ NF ใช้หลักการละลาย-แพร่ (solution-diffusion) และการไหลผ่านรู (porous flow) การแยกสารที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ อนุภาคแขวนลอย ใช้เมมเบรนที่มีขนาดรูพรุนใหญ่ขึ้นประมาณ 2-20 nm สำหรับกระบวนการ UF และ 0.05 1 mm สำหรับกระบวนการ MF โดยมีกลไกการแยกสารที่ใช้หลักการคัดขนาด (sieving)
ระดับความสามารถในการแยกสารของเมมเบรนชนิดที่ใช้ความดันเป็นแรงขับดัน
สารและอนุภาคที่สามารถแยกได้ด้วยกระบวนการเมมเบรนชนิดที่ใช้ความดันเป็นแรงขับ
คุณลักษณะของกระบวนการแยกด้วยเมมเบรนที่ใช้ความดันเป็นแรงขับ
กระบวนการ | เป้าหมายของการแยก | ลักษณะขององค์ประกอบที่ถูกกักด้วยเมมเบรน | องค์ประกอบที่ถูกขนถ่ายผ่านเมมเบรน | ระดับความดัน (bar) | กลไกการแยก |
ออสโมซิสผันกลับ | ได้ตัวทำละลายที่ ปราศจากตัวถูก ละลายทุกชนิด |
อาจเป็นอิออนหรือสาร ระเหย สารโมเลกุลใหญ่ สารแขวนลอย |
ตัวทำละลาย | 10-100 | การแพร่ ละลาย/ การไหล ผ่านรูพรุน |
นาโนฟิลเตรชัน | ได้ตัวทำละลายที่มี อิออนหรือสาร โมเลกุลเล็กบางชนิด |
สารโมเลกุลเล็ก/ใหญ่ สารแขวนลอย |
ตัวทำละลาย/ อิออนบางชนิด |
<40 | การแพร่ ละลาย/ การไหล ผ่านรูพรุน |
อัลตราฟิลเตรชัน | ได้สารละลายที่ไม่มี สารโมเลกุลใหญ่ |
สารโมเลกุลใหญ่/ สารแขวนลอย |
ตัวทำละลาย สารโมเลกุลเล็ก |
0.5 - 5 | การคัดขนาด |
ไมโครฟิลเตรชัน | สารละลายที่ ปราศจากอนุภาค |
สารโมเลกุลใหญ่บางชนิด อนุภาค |
สารโมเลกุลใหญ่ บางชนิด/สาร โมเลกุลเล็ก อิออนตัวทำละลาย |
0.5 - 5 | การคัดขนาด |
รายละเอียดของเมมเบรนที่เลือกใช้ มีดังนี้
1. เมมเบรนอัตตราฟิลเตรชั่น (Ultra-filtration Membrane)
เป็นเมมเบรนที่ในการะบวนการกรองเพื่อกำจัดสารแขวนลอยที่มีอยู่ในน้ำ โดยสามารถกรองสารต่างๆ ได้เล็ถึง 0.02 ไมครอน ซึ่งสามารถกรองแบคทีเรีย ไวรัส และสารอินทรีย์ทั้งหลาย เช่น โปรตีน และไขมันต่างๆ ไว้ได้หมด ความดันที่ใช้ในการกรองต่ำ สิ้นเปลืองพลังงานน้อย วัสดุที่ใช้ทำไส้กรองที่ทางบริษัทฯ เลือกใช้จะมีรูปแบบ Hollow Fiber แสดงดังรูปที่ 1
เมมเบรนที่ผลิตจากวัสดุ PVDF ชนิด Hollow Filber
2) Membrane Filtration System Description
Reverse Osmosis System
เป็นระบบการกรองที่ใช้เยื่อกรองเมมเบรนที่มีความละเอียดถึง 0.0001 ไมครอนในการกรอง ซึ่งทำให้สารละลาย สิ่งปนเปื้อน รวมทั้งเชื้อโรคต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่ารูพรุนของเยื่อกรองเมมเบรนไม่สามารถแทรกตัวเล็ดลอดผ่านไปได้ มีเพียงน้ำบริสุทธิ์
เท่านั้นที่สามารถไหลผ่านหลักการ : คือการใช้แรงดันให้น้ำ ผ่านเยื่อเมมเบรน (Membrane) ที่มีความสามารถสามารถในการกรองได้เล็กกว่าเส้นผมถึง 500,000 เท่า (เส้นผม=50 ไมครอน) สามารถกรองได้ถึง ไอออนและโมเลกุลของสารละลายที่อยู่ในน้ำ ดังนั้น จึงมีเพียง น้ำบริสุทธิ์ เท่านั้นที่สามารถ ผ่านเยื่อเมมเบรน (Membrane)ได้ ระบบ RO.จึงสามารถป้องกัน สารตกค้าง และเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถพิสูจน์ ได้ด้วยกระบวนการวิเคราะห์ทาง ฟิสิกส์, เคมี, พิษวิทยาและ จุลชีววิทยา